เลือดจรเข้.com จำหน่ายแคปซูลเลือดจระเข้วินน์ Wynn

การศึกษาปริมาณของเลือดจระเข้ ระเหิดแห้งในการเสริมธาตุเหล็ก ในหนูสปาร์คดดอเลย์เพศผู้ 50 ตัว โดยการเหนี่ยวนำหนูทดลอง ให้อยู่ในสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยกินอาหารตามสูตร AIN93G-Fe เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าหนูทดลองอยู่ในสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอย่างสมบูรณ์   ปริมาณของเลือดจระเข้แห้ง  2500, 1500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม และ 500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัมที่เพิ่ม วิตามินซี 50 มิลลิกรัม  เหมาะสมในการนำมาบริโภคต่อวันในการเสริมธาตุเหล็ก ให้กับหนูทดลองที่อยู่ในสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และหนูทดลองกลุ่มที่ได้รับเลือดจระเข้เป็นอาหารเสริม ไม่มีผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายในของหนูทดลอง  การดูดซึมสารอาหารจากเลือดจระเข้แห้ง
พบว่าหลังจากการเหนี่ยวนำให้หนูทดลองอยู่ในสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก มีการดูดซึมปริมาณธาตุเหล็กในอาหาร มากที่สุด แตกต่างจาก หนูทดลองปกติ การเปลี่ยนแปลงของชนิดโปรตีนในเลือดหนูทดลองที่อยู่ในสภาวะโลหิตจางจากการ ขาดธาตุเหล็ก และกินเลือดจระเข้แห้งเป็นอาหารเสริมพบว่า โปรตีนที่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนมากเป็นโปรตีนที่ช่วยในการขนย้าย มีการเปลี่ยนแปลงจากปกติในปริมาณที่ไม่มาก

.

ภาพที่ 1  หนูทดลองกลุ่ม G2 (A และ C–l) และกลุ่ม G1 (B และ C–r).หลังจากเหนี่ยวนำให้เกิด
สภาวะ แสดงผิวหนังที่ซีด G2 (A และ C–l) กว่าหนูทดลองปกติกลุ่ม G1 (B และ C–r)

.
ภาพที่ 2  ลักษณะม้ามของหนูสปาร์คดอเลย์ (ลูกศร) ที่กินเลือดจระเข้เป็นอาหารเสริม (ก) และ
ลักษณะม้ามของหนูสปา ร์คดอเลย์ (ลูกศร) ที่กินอาหารที่มีเฟอรัสซัลเฟส 200 มิลลิกรัม
(ข) หลังจาก 12 สัปดาห์ของการทดลอง ที่มีขนาดใหญ่และสีเข้มกว่า

.

คณะผู้วิจัย
รศ.ดร.วิน เชยชมศรี ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.ดร.จินดา วรรณ สิรันทวิเนติ ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ดร.สุดาวรรณ  เชยชมศรี ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน
รศ.ดร.บุญ เกื้อ วัชรเสถียร ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น.ส. ดวงจันทร์  เฮงสวัสดิ์สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น.ส.เยาวดี คุปตะพันธ์ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

.

ที่มา: สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และ การดำเนินชีวิตในประจำวันที่ถูกต้อง